2007年10月14日日曜日
2007年10月13日土曜日
2007年10月12日金曜日
ยูนิกซ์ (UNIX) เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์แบบหลายงาน หลายผู้ใช้ ที่เริ่มพัฒนาโดยกลุ่มพนักงานของห้องปฏิบัติการ AT&T Bell Labs โดยกลุ่มนักพัฒนาที่เป็นที่รู้จัก คือ Ken Thompson, Dennis Ritchie และ Douglas McIlroy
ประวัติ
ในทศวรรษที่ 60 สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT), AT&T Bell Labs และบริษัท General Electric ได้ร่วมมือกันวิจัยระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า Multics (ย่อมาจาก Multiplexed Information and Computing Service) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำงานบนเครื่องเมนเฟรมรุ่น GE-645 แต่ภายหลัง AT&T ได้ถอนตัวออกจากโครงการนี้
Ken Thompson ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมพัฒนาในขณะนั้น ได้เขียนเกมบนเครื่อง GE-645 ชื่อว่าเกม Space Travel และพบปัญหาว่าเกมทำงานได้ช้ากว่าที่ควร เขาจึงย้ายมาเขียนเกมใหม่บนเครื่อง PDP-7 ของบริษัท DEC แทนด้วยภาษาแอสเซมบลี โดยความช่วยเหลือของ Dennis Ritchie ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ Thompson หันมาพัฒนาระบบปฏิบัติการบนเครื่อง PDP-7
ระบบปฏิบัติการนี้มีชื่อว่า UNICS ย่อมาจาก Uniplexed Information and Computing System เนื่องจากว่าการออกเสียงสามารถสะกดได้หลายแบบ และพบปัญหาชื่อใกล้เคียงกับ Multics ภายหลังจึงเปลี่ยนชื่่อเป็น Unix
การพัฒนายูนิกซ์ในช่วงนี้ยังไม่ได้รับความสนับสนุนด้านการเงินจาก Bell Labs เมื่อระบบพัฒนามากขึ้น Thompson และ Ritchie จึงสัญญาว่าจะเพิ่มความสามารถในการประมวลผลคำ (Word Processing) บนเครื่อง PDP-11/20 และเริ่มได้รับการตอบรับจาก Bell Labs ในปีค.ศ. 1970 ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์จึงได้รับการเรียกชื่ออย่างเป็นทางการ โปรแกรมประมวลผลคำมีชื่อว่า roff และหนังสือ UNIX Programmer's Manual ตีพิมพ์ครั้งแรกวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1971
ค.ศ. 1973 ได้เขียนยูนิกซ์ขึ้นมาใหม่ด้วยภาษาซี ทำให้สะดวกต่อการนำยูนิกซ์ไปทำงานบนเครื่องชนิดอื่นมากขึ้น ทาง AT&T ได้เผยแพร่ยูนิกซ์ไปยังมหาวิทยาลัย และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล โดยสัญญาการใช้งานเปิดเผยซอร์สโค้ด ยกเว้นเคอร์เนลส่วนที่เขียนด้วยภาษาแอสเซมบลี
ยูนิกซ์เวอร์ชัน 4,5 และ 6 ออกในค.ศ. 1975 ได้เพิ่มคุณสมบัติ pipe เข้ามา ยูนิกซ์เวอร์ชัน 7 ซึ่งเป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่พัฒนาแบบการวิจัย ออกในค.ศ. 1979 ยูนิกซ์เวอร์ชัน 8,9 และ 10 ออกมาในภายหลังในทศวรรษที่ 80 ในวงจำกัดเฉพาะมหาวิทยาลัยบางแห่งเท่านั้น และเป็นต้นกำเนิดของระบบปฏิบัติการ Plan 9
ค.ศ. 1982 AT&T นำยูนิกซ์ 7 มาพัฒนาและออกขายในชื่อ Unix System III แต่บริษัทลูกของ AT&T ชื่อว่า Western Electric ยังคงนำยูนิกซ์รุ่นเก่ามาขายอยู่เช่นกัน เพื่อยุติความสับสนทางด้านชื่อ AT&T จึงรวมการพัฒนาทั้งหมดจากบริษัทและมหาวิทยาลัยต่างๆใน Unix System V ซึ่งมีโปรแกรมอย่าง vi ที่พัฒนาโดย Berkeley Software Distribution (BSD) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ รวมอยู่ด้วย ยูนิกซ์รุ่นนี้สามารถทำงานได้บนเครื่อง VAX ของบริษัท DEC
ยูนิกซ์รุ่นที่เป็นการค้าไม่เปิดเผยซอร์สโค้ดอีกต่อไป ทางมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ จึงพัฒนายูนิกซ์ของตัวเองต่อเพื่อเป็นทางเลือกกับ System V การพัฒนาที่สำคัญที่สุดคือเพิ่มการสนับสนุนโปรโตคอลสำหรับเครือข่าย TCP/IP เข้ามา
บริษัทอื่นๆ เริ่มพัฒนายูนิกซ์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบของตนเอง โดยส่วนมากใช้ยูนิกซ์ที่ซื้อสัญญามาจาก System V แต่บางบริษัทเลือกพัฒนาจาก BSD แทน หนึ่งในทีมพัฒนาของ BSD คือ Bill Joy มีส่วนในการสร้าง SunOS (ปัจจุบันคือ โซลาริส) ของบริษัทซัน ไมโครซิสเต็มส์
ค.ศ. 1981 ทีมพัฒนา BSD ได้ออกจากมหาวิทยาลัยและก่อตั้งบริษัท Berkeley Software Design, Inc (BSDI) เป็นบริษัทแรกที่นำ BSD มาขายในเชิงการค้า ในภายหลังเป็นต้นกำเนิดของระบบปฏิบัติการ FreeBSD, OpenBSD และ NetBSD
AT&T ยังคงพัฒนาความสามารถต่างๆ เข้าสู่ยูนิกซ์ System V และรวมเอา Xenix (ยูนิกซ์ของบริษัทไมโครซอฟท์), BSD และ SunOS เข้ามารวมใน System V Release 4 (SVR4) เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งเดียวสำหรับลูกค้า ซึ่งเพิ่มราคาขึ้นอีกมาก
หลังจากนั้นไม่นาน AT&T ขายสิทธิ์ในการถือครองยูนิกซ์ให้กับบริษัทโนเวล และโนเวลเองได้สร้างยูนิกซ์ของตัวเองที่ชื่อ UnixWare ซึ่งพัฒนามาจากระบบปฏิบัติการ NetWare เพื่อแข่งกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็นทีของไมโครซอฟท์
ค.ศ. 1995 โนเวลขายส่วนต่างๆ ของยูนิกซ์ให้กับบริษัท Santa Cruz Operation (SCO) โดยโนเวลยังถือลิขสิทธิ์ของยูนิกซ์ไว้ ค.ศ. 2000 SCO ขายสิทธิ์ส่วนของตนเองให้กับบริษัท Caldera ซึ่งเปลี่ยนชื่อภายหลังเป็น SCO Group ซึ่งเป็นสาเหตุในการดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์กับลินุกซ์
2007年10月11日木曜日
วิกิพีเดียยังไม่มีบทความที่ตรงกับชื่อนี้
เริ่มบทความ ชอบ คำนี้ให้ด้วยดวงใจบริสุ
ค้นหา ชอบ คำนี้ให้ด้วยดวงใจบริสุ ในบทความอื่น ๆ
ดูบทความที่กล่าวถึง ชอบ คำนี้ให้ด้วยดวงใจบริสุ
ถ้าคุณสร้างหน้านี้แล้วเมื่อไม่นานมานี้แต่มันยังไม่ปรากฏขึ้น เป็นไปได้ที่จะมีการล่าช้าในปรับปรุงฐานข้อมูล ลองล้างข้อมูลเก่าในเครื่อง หรือกรุณารอสักครู่และตรวจดูอีกครั้งก่อนที่ท่านจะลองสร้างหน้าใหม่
ถ้าคุณสร้างบทความชื่อเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ มันอาจจะถูกลบไปแล้ว ดู ปูมการลบ และทำไมหน้าถึงโดนลบ
ถ้าต้องการถามคำถามเกี่ยวกับ ชอบ คำนี้ให้ด้วยดวงใจบริสุ ให้ลองถามที่ ปุจฉา-วิสัชนา
2007年10月9日火曜日
2007年10月6日土曜日
นัตสึมิ อาเบะ (「安倍なつみ」, Abe Natsumi, 安倍なつみ) (เกิดวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2524) คือนักร้องและนักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่น ผู้ที่เคยเป็นสมาชิกนำของกลุ่ม มอร์นิงมุซุเมะ อันโด่งดัง โดยในปัจจุบันนี้เธอยังคงทำหน้าที่เป็นนักร้องในสังกัดเฮลโล! โปรเจ็คท์ อยู่
ช้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ
ในปีพ.ศ. 2540 นัตสึมิ อาเบะ ได้เข้ามาเป็นสมาชิกรุ่นแรกของมอร์นิงมุซุเมะ กลุ่มนักร้องหญิงชื่อดังของญี่ปุ่น เธอได้รับหน้าที่ให้เป็นนักร้องนำในเพลงซิงเกิลหลาย ๆ เพลง (โดยเฉพาะช่วงก่อนหน้าที่มากิ โกะโต สมาชิกรุ่นที่สาม จะเข้ามาอยู่ในกลุ่ม)โดยผลงานที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดก็คือเพลง ฟูรุซาโตะ เหตุเพราะว่า ในเพลงนี้เธอได้รับหน้าที่ให้ร้องนำเพียงผู้เดียว ส่วนสมาชิกในกลุ่มคนอื่น ๆ ได้รับบทบาทเป็นเพียงนักร้องในแนวเสียงคอรัสและแบ็คอัพเท่านั้น
นอกจากงานเพลงที่เธอสร้างร่วมกับกลุ่มแล้ว อาเบะยังได้ร้องเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยวออกมาอีกจำนวนหนึ่ง เช่น เพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาที่เธอร่วมแสดงด้วย และเพลง โอโตโกะ โทโมดาจิ ซึ่งมีการบันทึกเอาไว้ในอัลบั้ม อิกิมัสโชย! ซึ่งเป็นอัลบั้มที่สี่ของมอร์นิงมุซุเมะ
ทางด้านงานการแสดง เธอได้เล่นบทนำในละครและภาพยนตร์ของมอร์นิงมุซุเมะในเรื่อง เลิฟว์ เซ็นจูรี และ พินช์รันเนอร์ และยังได้มีโอกาสไปแสดงละครโทรทัศน์อื่น ๆ นอกเหนือจากสังกัดตนเองอีกด้วย เช่นเรื่อง เนิร์ซแมน เป็นต้น
อาเบะไม่เคยได้เข้าร่วมกับกลุ่มนักร้องย่อยของมอร์นิงมุซุเมะเลย แต่เคยได้เข้าไปร่วมงานในกลุ่มพิเศษที่ถูกตั้งขึ้นตามระบบชัฟเฟิล ยูนิทส์ ของเฮลโล! โปรเจ็คท์ เท่านั้น อย่างเช่นกลุ่ม คีโระ 5 และ โอโดรุ 11 เป็นต้น
ในปีพ.ศ. 2546 อาเบะได้ตั้งทีมนักร้องร่วมกับโยซูมิ เคโกะ อดีตสมาชิกของโรกุเซ็มมง โดยเป็นกลุ่มนักร้องสองคนที่ถูกขนานนามว่ากลุ่ม "แม่กับลูกสาว" ซึ่งกลุ่มนี้ได้สร้างผลงานเพลงซิงเกิลหนึ่งเพลง โดยงานนี้เป็นการสร้างที่มีจุดประสงค์เพื่อที่จะเตรียมพร้อมในการทำงานเป็นศิลปินเดี่ยวของเธอ
จนกระทั่งในช่วงฤดูร้อนของปีเดียวกัน อาเบะได้เริ่มงานในฐานะของศิลปินเดี่ยวอย่างเป็นทางการ โดยเพลงซิงเกิลเพลงแรกของเธอมีชื่อว่า 22 ไซ โนะ วาตาชิ ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 13 สิงหาคม ไม่กี่วันจากวันเกิดปีที่ 22 ของเธอ ส่วนซีดีเพลงเดี่ยวของเธอก็ได้วางจำหน่ายหลังจากนั้นมาไม่นานนัก โดยผลงานส่วนใหญ่ในงานชุดนั้นจะเป็นเพลงของกลุ่มมอร์นิงมุซุเมะที่เธอนำมาขับร้องใหม่
ในครั้งที่มอร์นิงมุซุเมะได้แบ่งตัวเองออกเป็นสองกลุ่ม เพื่อความสะดวกในการตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตภายในประเทศญี่ปุ่น อาเบะก็ได้รับหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าของกลุ่ม มอร์นิงมุซุมะ ซากูระ กูมิ ที่เป็นหนึ่งในสองกลุ่มซึ่งถูกแบ่งออกมา จนกระทั่งวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2547 หลังจากการทัวร์ฤดูหนาวของนักร้องในสังกัดเฮลโล! โปรเจ็คท์ จบลงไปแล้ว นัตสึมิ อาเบะ ก็ได้ 'สำเร็จการศึกษา' จากมอร์นิงมุซุเมะไป เพื่อที่จะได้ทุ่มเวลาให้แก่งานเพลงเดี่ยวของเธออย่างเต็มที่
หลังจากนั้นมา อาเบะได้สร้างงานซิงเกิลออกมาอีกหลายงาน และขณะเดียวกัน เธอก็ยังได้มาร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ของทางเฮลโล! โปรเจ็คท์ อยู่เรื่อย ๆ อย่างเช่น แสดงคอนเสิร์ต หรือร่วมงานเพลงกับอายะ มัตสึอุระ และมากิ โกะโต ในกลุ่มที่ชื่อว่า โนจิอุระ นัตสึมิ และเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเพลงที่ชื่อว่า ออล ฟอร์ วัน แอนด์ วัน ฟอร์ ออล ร่วมกับศิลปินทุกคนและกลุ่มนักร้องทุกกลุ่มที่อยู่ในเฮลโล! โปรเจ็คท์ เป็นต้น
ในช่วงปลายปีพ.ศ. 2547 อาเบะต้องพบกับข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับเรื่องที่เธอได้นำเอาบทกลอนของผู้อื่นมาเขียนเอาไว้ในผลงานสมุดรวมภาพของตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้เธอต้องออกมารับผิดชอบผ่านสื่อโดยการขอโทษ และได้พักงานตัวเองเป็นเวลา 3 เดือน โดยในช่วงเวลานั้น เธอจะไม่ร่วมงานใด ๆ ในสังกัดเลย รวมไปถึงการแสดงคอนเสิร์ต 'สำเร็จการศึกษา' ของคาโอริ อีดะ เพื่อนร่วมรุ่นก่อตั้งของเธอ ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2548 ด้วย นอกจากนั้นแล้ว อัลบั้มเพลงของเธอ ที่มีกำหนดการณ์วางจำหน่ายในช่วงต้นปีเดียวกัน และผลงานซิงเกิลที่ชื่อว่า นาริยามะไน แทมบูริน ที่จะเปิดตัวในวันที่ 26 มกราคม ก็ต้องถูกยกเลิกไปด้วย
จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 อาเบะก็ได้กลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง โดยในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน เธอได้เปิดตัวเพลงซิงเกิลที่ 5 ของเธอ ที่ชื่อว่า โคย โนะ ฮานะ และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มพิเศษของเฮลโล! โปรเจ็คท์ ที่ชื่อ DEF.DIVA ร่วมกับมากิ โกะโต, ริกะ อิชิกาวะ และอายะ มัตสึอุระ
ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน เธอได้ออกผลงานซิงเกิลมาอีกหนึ่งเพลง โดยใช้ชื่อว่า ทาการะโมโนะ หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ เซ็ง ซึ่งชื่อที่สองนี้มีที่มาจากชื่อของตัวละครหลักที่รับบทโดยอาเบะ ในเรื่อง ทาการะโมโนะ นั่นเอง
ฤดูใบไม้ผลิปี พ.ศ. 2549 สวีท-โอ-ฮอลิค ซิงเกิลใหม่ของอาเบะก็ได้เปิดตัวออกมาสู่ผู้ฟัง พร้อมกันกับอัลบั้มเพลงใหม่ของเธอที่ชื่อว่า เซคคันด์~ชิมิวาตารุ โอโมย และในปีเดียวกันนี้เอง นัตสึมิและอาซามิ อาเบะ น้องสาวแท้ ๆ ของเธอ ได้ร่วมกันแสดงละครโทรทัศน์ของญี่ปุ่นอีกด้วย โดยละครเรื่องนี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับ เดอะ พีนัทส์ -- กลุ่มนักร้องดูโอแนวป็อปชาวญี่ปุ่น ที่โด่งดังในช่วงยุค 60
ในเดือนมิถุนายนของปีเดียวกัน หลังจากที่ผลงานสมุดรวมภาพถ่ายชุด écru ได้ตีพิมพ์ไปแล้ว ก็เกิดกระแสการรวมตัวกันของคนที่เกลียดเธอขึ้นในโลกออนไลน์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีการกล่าวหาว่า อาเบะได้ฆ่าเต่ากระซึ่งเป็นสมบัติของชาติญี่ปุ่นในดีวีดีบันทึกเบื้องหลังการทำงานในสมุดรวมภาพชุดนี้ แต่ภาพนั้นไม่ปรากฏออกมาภายนอกเนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตได้ตัดมันทิ้งไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่าข่าวนี้เป็นเพียงการปล่อยข่าวลวงออกมาเพื่อที่จะสร้างเรื่องอื้อฉาวในวงการบันเทิงอีกเรื่องหนึ่งเท่านั้น ส่วนตัวอาเบะเองก็ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดใด ๆ เกี่ยวกับประเด็นนี้ และข่าวดังกล่าวนี้ก็มิได้กระทบกับงานที่เธอได้ทำในเฮลโล! โปรเจ็คท์ แต่อย่างใด
นอกจากนั้นแล้ว ผลงานเพลง อามาซูงิตะ คาจิตสึ ของเธอ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน ก็ยังขึ้นไปติดอันดับที่ 5 ของตารางโอริคอน ชาร์ท แบบสวนกระแสกลุ่มคนที่เกลียดเธออีกด้วย (เพลงอามาซูงิตะ คาจิตสึ เป็นผลงานของเธอที่ติดอันดับสูงที่สุดเท่าที่เธอเคยทำมา)
และในช่วงต้นปีพ.ศ. 2550 อาเบะก็ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มนักร้องที่ชื่อ มอร์นิงมุซุเมะ ทันโจ 10 เน็งคิเน็นไต (「モーニング娘。誕生10年記念隊」, Morning Musume Tanjō 10 Nen Kinentai, モーニング娘。誕生10年記念隊) จะเปิดตัววันแรกในวันที่ 24 มกราคมศกนี้
ประวัติการทำงาน
โนโซมิ สึจิ มักจะเรียกเธอว่า นะจิมิ ส่วนยูโกะ นากาซาวะ กับเค ยาซูดะ จะเรียกเธอว่า นัตสึอัง
น้องสาวของเธอที่ชื่ออาซามิ อาเบะ ได้เริ่มทำงานทางดนตรีของตัวเองเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2546
ชื่อ "นัตสึมิ" ของเธอ มีที่มาจากตัวละครที่ชื่อ อาซาอิ นัตสึมิ ซึ่งนำแสดงโดย คาโอริ โมโมอิ ในละครโทรทัศน์ญี่ปุ่นเรื่อง จตโตะ มาย เวย์ (ฉายเมื่อพ.ศ. 2522)
แรงบันดาลใจที่ทำให้อาเบะอยากเป็นนักร้องนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่เธอได้ฟังเพลง จีซานะ โคโระ คาระ ของวงจูดีย์ แอนด์ แมรีย์ เมื่อตอนที่เธอยังเป็นนักเรียนอยู่ รายละเอียดปลีกย่อย
กลุ่มนักร้องในเฮลโล! โปรเจ็คท์
- มอร์นิงมุซุเมะ (พ.ศ. 2540 – พ.ศ. 2547)
โนจิอูระ นัตสึมิ (พ.ศ. 2547)
DEF.DIVA (พ.ศ. 2548)
กลุ่มย่อยในมอร์นิงมุซุเมะ
- มอร์นิงมุซุเมะ ซากูระ กูมิ (พ.ศ. 2546 – พ.ศ. 2547)
กลุ่มตามระบบซัมเมอร์ ชัฟเฟิล ยูนิทส์
- คีโระ 5 (พ.ศ. 2543)
10นิง มัตสึริ (พ.ศ. 2544)
โอโดรุ 11 (พ.ศ. 2545)
ซอลท์5 (พ.ศ. 2546)
เอช!พี ออล สตาร์ส (พ.ศ. 2547) กลุ่มนักร้องที่สังกัด
เพลงซิงเกิล
อัลบั้มเพลง
สมุดรวมภาพ
- คีโระ 5 (พ.ศ. 2543)
- มอร์นิงมุซุเมะ ซากูระ กูมิ (พ.ศ. 2546 – พ.ศ. 2547)
2007年10月5日金曜日
หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Book ชื่อทางการที่เรามักจะไม่ค่อยพูดกันสำหรับกลุ่มนักคอมพิวเตอร์ หรือกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป แต่เรามักจะเรียก E-Book ตามชนิดของไฟล์ที่เราบันทึก (SAVE) หรือตามโปรแกรมที่สร้าง E-Book และส่งกันไปส่งกันมากกว่า ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยคุ้นหูกับคำว่า E-Book แล้ว E-Book จริงๆนั้นมีบัญญัติไว้ว่าอย่างไรและเป็นไฟล์ที่สร้างจากโปรแกรมอะไร
คำนิยามของ E-Book คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แต่หนังสืออิเล็กทรอนิกส์จะมีคำขยายความต่อท้ายว่า หนังสือที่เก็บอยู่ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ หรือเก็บไว้อยู่ในแบบของไฟล์ โปรแกรมส่วนมากที่เราเข้าใจกันคือ หนังสือที่เก็บในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ต้องใช้กระดาษ และมีการสร้างจากคอมพิวเตอร์ และสามารถอ่านได้จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค PDA (Palm และ PocketPC) หรือกระทั่งอ่านได้จากโทรศัพท์มือถือ
E-Book เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่จะเริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตเรามากขึ้น ด้วยความสะดวกสบายของทั้งการสร้าง E-Book คุณเองก็สร้างได้ ความสะดวกในการพกพา ขนาดที่เล็ก และสามารถอ่านได้ทุกที่ทุกเวลาที่คุณมีอุปกรณ์พกพาที่สามารถอ่าน E-Book ได้ เมื่อดูที่ E-Book คุณสามารถสร้างให้ E-Book นอกจากจะมีสีสันสวยงามเพื่อง่ายต่อการอ่าน และทำความเข้าใจแล้ว คุณยังสามารถใส่เสียง ภาพเคลื่อนไหว สร้างสารบัญ (Link) หรือการคลิ๊กเพื่อส่ง E-Mail ไปยังผู้เขียน หรือ E-Mail ใน E-Book ก็ได้
ทำไมไม่ใช้ Word
หลายๆคนคงสงสัยว่าแล้ว Microsoft Word ไม่ใช่ E-Book หรือ ที่จริงหากเรานำไฟล์ Microsoft Word ไปใช้เป็น E-Book นั้นก็ทำได้แต่ไม่มีใครนิยม เนื่องจาก Word นั้นมีจุดอ่อนในการทำ E-Book หลายเรื่อง แม้ว่า Word จะสามารถใส่รหัส หรือ Password ได้ Word จะส่งให้กันอ่านได้ Word สามารถแก้ไขได้ Word สามารถบังคับไม่ให้บันทึกทับได้ (สร้างไฟล์ในแบบ Template) แต่นั้นยังไม่เพียงพอ และยังเป็นจุดอ่อนที่ไม่เหมาะเป็น E-Book อีกด้วย
จุดอ่อนเช่น Word ไม่สามารถอ่านได้จากเครื่องเล่นต่างๆอย่างแพร่หลาย ต่างจาก pdf และ html ไฟล์ของ Word มีความแตกต่างภายในของแต่ละเวอร์ชัน เพราะมีคุณสมบัติที่พัฒนาเพิ่มแตกต่างกัน ทำให้เมื่อเปิดต่างเวอร์ชันจะเกิดปัญหาเด้ง (เด้งในที่นี้เป็นคำศัพท์ที่นักเขียนบทความ และนักจัดรูปแบบบทความพูดกัน หมายถึง ตัวอักษรมีความผิดปกติ เช่นไม่มีฟอนต์ที่ Word บันทึกมาในต้นฉบับ หรือแม้ว่ามีฟอนต์แต่การเปิดกับเครื่องต่างกัน เวอร์ชันต่างกัน ทำให้ย่อหน้าเพี้ยน ตัวหนังสือผิดไป) ปัญหาเด้ง และการเข้าไปแก้ไข ก๊อปปี๊ได้นั้นเป็นคุณสมบัติที่ไม่เหมาะต่อการเป็น E-Book E-Book อ่านได้จากอะไรบ้าง
คราวนี้เรามาดูกันว่าอะไรบ้างละที่สามารถอ่านไฟล์ E-Book กันได้บ้าง สำหรับ E-Book นั้นผมจะพูดเน้นไปทางด้านไฟล์ pdf และ html มากกว่าเพราะดูจะแพร่หลายกว่าไฟล์ E-Book ประเภทอื่นๆ
มาดูที่ html ก่อน ไฟล์ E-Book ที่เป็น html นั้นเราสามารถเปิดอ่านได้จากโปรแกรมที่ใช้ในการเล่นอินเตอร์เน็ทเป็นพื้นฐานอย่างโปรแกรมจำพวก Browser โปรแกรม Browser ได้แก่ internet Explorer, Netscape, Opera, Mozilla ฯ และไฟล์ html ยังอาจเปิดได้จากโปรแกรมอื่นๆอีก เช่น Microsoft Office เวอร์ชัน 97 ขึ้นไป จุดนี้เองทำให้เป็นจุดเด่นของ html ยังเป็นจุดดึงดูดใจสำหรับการนำไปเป็น E-Book
เครื่องที่อ่านไฟล์ E-Book แบบ html ได้นั้นต้องเป็นแบบไหน อุปกรณ์ที่อ่าน E-Book แบบ html ได้นั้น ก็อ่านได้จากเครื่องเล่นที่มี Browser อยู่ในตัวนั่นเอง เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (Desktop PC), โน๊ตบุ๊ค (Notebook หรือ Laptop) แท็ปเลท (TabletPC) เพราะคอมพิวเตอร์มี Browser ในตัวอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นอุปกรณ์พวก PDA ทั้ง PocketPC และ Palm เพราะทั้งสองระบบนี้ที่ใช้ Windows Mobile และ Palm นั้นจะมี Browser อยู่ในตัวแล้ว (รวมถึง PDA Phone อย่าง O2 หรือ Palm Xplore M88 ) และอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่กำลังที่กำลังเป็นที่ท็อปฮิตอยู่ในขณะนี้คือ โทรศัพท์มือถือนั่นเอง แต่คงต้องเป็นรุ่นๆไป ส่วนมากโทรศัพท์มือถือที่สามารถอ่านไฟล์ E-Book ได้นั่นจะเป็นโทรศัพท์ประเภท SmartPhone หรือโทรศัพท์ที่มีระบบ ปฏิบัติการอย่าง Microsoft Mobile ใน O2 Xphone, Symbian ใน Nokia หรือ Sony-Ericsson (Nokia มีหลายรุ่นมากทั้ง 6600/7610/6670/6630/9500/9300 อีกมากมาย), Linux อย่าง Motorola E680 ในที่นี้ไม่ต้องผูกติดเฉพาะยี่ห้อที่กล่าวมาแล้วอย่างเดียว เพราะโทรศัพท์ประเภท SmartPhone สามารถอ่าน E-Book ได้นั้นเนื่องจาก SmartPhone มีระบบปฏิบัติการจึงสามารถติดตั้งโปรแกรมเข้าไปได้บางยี่ห้อบางรุ่นก็ติดตั้งโปรแกรมอ่าน E-Book มาในตัว แต่หากไม่มีคุณก็สามารถหาโปรแกรมอ่าน E-Book มาได้ ซึ่งก็มีหลายโปรแกรม และขึ้นอยู่กับแต่ละระบบปฏิบัติการ
PDF Vs Html คำถามนี้ผมว่าหลายๆท่านคงสนใจว่าแล้ว PDF กับ Html อย่างไหนดีกว่ากัน ในทัศนคติผมมองว่าหากเป็น E-Book แท้ๆ PDF จะมีคุณสมบัติของหนังสือมากกว่า เนื่องจาก E-Book ที่สร้างในแบบ PDF นั้น จะไม่มีอาการเลื่อนของหน้าต่าง คือ ไฟล์ E-Book จะถูกกำหนดมาชัดเชนเป็นลักษณะแผ่นๆคล้ายกระดาษ ผู้สร้าง E-Book สามารถกำหนดได้ว่าต้องการให้แต่ละหน้าของ E-Book มีขนาดเท่าใด เช่น A4, A3, Letter หรือจะกำหนดเป็นความละเอียดหน้าจอเพื่อใช้ในการ Presentation ได้ ด้าน Html จะเน้นการสร้าง E-Book เพื่ออ่านในอินเทอร์เน็ตมากกว่า โดยหน้าต่างการแสดงผลส่วนมากจะกำหนดเป็นความละเอียดหน้าจอ เช่น 1024x768 Pixel ดังนั้นหากไปเปิดที่คอมพิวเตอร์ที่ใช้ความละเอียดไม่ตรงตามนี้อาจจะมีการเลื่อนไปมาของหน้าต่าง (Scroll) ผู้เขียนบางท่านอาจอนุญาตให้มีการตัดคำได้ ตัวอักษรก็จะตัดคำให้พอหน้าต่างที่แสดงผล เกิดความไม่แน่นอนโดยเฉพาะกรณีที่ไม่มีรูปอยู่ด้วย
ด้านสิทธิ์ในการเข้าไปอ่าน หรือก๊อปปี๊ไฟล์ E-Book นั้นการสร้างด้วยลักษณะ PDF นั้นสามารถกำหนดได้ และค่อนข้างง่ายกว่าการป้องกันการเข้าอ่าน และก๊อปปี๊ไฟล์ E-Book ที่สร้างในลักษณะ Html
การเก็บไฟล์ และส่งต่อ PDF นั้นก็มีจุดดีกว่าเพราะเป็นไฟล์เพียงไฟล์เดียว ซึ่งในไฟล์ก็จะบรรจุทุกอย่าง ต่างจาก Html ที่เวลาเก็บนั้นนอกจากจะมีไฟล์ html แล้วยังต้องมีโฟลเดอร์ของไฟล์เพื่อเก็บรูป
ดังนั้นความนิยมการสร้าง E-book จึงถูกฟันธงไปใช้ในรูปแบบของ PDF มากกว่า Html โดยเฉพาะเชิงการค้า PDF จะถูกนำมาใช้เป็นมาตรฐานมากกว่า
อ่านได้ยังไง
การอ่านไฟล์ทั้ง PDF และ Html นั้น สามารถอ่าน และส่งต่อกันได้โดยการก๊อปปี๊ไปเก็บไว้ยังอุปกรณ์ที่สนับสนุนอย่างคอมพิวเตอร์ PocketPC, Palm หรือโทรศัพท์มือถือ และปิดอ่าน อีกหนึ่งวิธีคือ การอ่านโดยผ่านอินเตอร์เน็ท ในหลายๆเว็พไซด์ก็มีให้บริการตรงนี้แต่กรณีของไฟล์ PDF นั้นจะต้องมีโปรแกรม Acrobat Reader เพื่อใช้ในการเปิดอ่าน (สามารถดาวโหลดมาใช้ได้ฟรีที่เว็พไซด์ www.adobe.com) และอีกหนึ่งช่องทางที่กำลังได้รับความนิยมคือ การอ่านจากโทรศัพท์มือถือ หรือ PDA Phone ที่สามารถติดต่อผ่าน GPRA ของผู้ให้บริการทั้ง AIS, DTAC, Ture move และ Hutch เราสามารถเข้าไปท่องเว็พไซด์ และอ่านหนังสือ หรือข่าวต่างๆได้ทันที ในกรณีไฟล์ที่เป็น PDF อาจต้องมีการดาวโหลดมาเก็บไว้ที่เครื่อง และใช้โปรแกรมอย่าง Acrobat Reader ปิดอ่าน ซึ่งก็มีให้ดาวโหลดฟรีเช่นเดิมทั้งในระบบปฏิบัติการ Windows, PocketPC, Palm และ Symbian
โปรแกรมสร้างไฟล์ E-Book
การสร้าง E-Book นั้นเราสามารถสร้างได้จากหลายโปรแกรมในที่นี้อยากจะเน้นไปทางการสร้าง E-Book ในแนวทางของ PDF จะดีกว่าเพราะเป็นที่นิยม และแพร่หลายมากกว่า ที่สำคัญก็สามารถนำไปใช้เชิงพาณิชย์ในกรณีค้าขายได้ โปรแกรมการสร้าง E-Book นั้นมีอยู่ 2 ส่วนที่สำคัญคือ โปรแกรมที่ใช้ในการทำไฟล์อักษร และโปรแกรมที่ใช้ในการแปลงให้อยู่ในรูปแบบของ PDF
1. โปรแกรมที่เราใช้ในการสร้างวัตถุดิบ หลายท่านอาจงง โปรแกรมประเภทนี้ ก็ยกตัวอย่างเช่น โปรแกรม Microsoft Word หรือ Power Point เพื่อสร้างไฟล์งานขึ้นมาก่อน ซึ่งคุณอาจนำไฟล์ที่มีอยู่แล้วมาเปิด และสร้างเป็น PDF ก็ได้ นอกจากโปรแกรม Word และ Excel แล้วยังมีอีกหลายโปรแกรมที่พวกมืออาชีพใช้อย่าง Adobe Pagemaker, Indesign พวกนั้นอาจมีขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่า เอาเป็นว่าถ้าเป็นมือใหม่แนะนำว่าใช้พื้นอย่าง Word และ PowerPoint แล้วค่อยๆไปใช้อย่างอื่น
2. โปรแกรมที่ใช้แปลงไฟล์ในข้อ 1 มาอยู่ในแบบ PDF นั้นอันที่จริงหากลองไปค้น โดยพิมพ์คำว่า Cover to pdf ในอินเตอร์เน็ทมีเยอะครับ แต่ขอแนะนำเอาที่นิยมกันมากโดยเฉพาะในวงการสิ่งพิมพ์บ้านเราก็ Adobe Acrobat เพราะเป็นต้นฉบับส่วนโปรแกรมอื่นๆก็มีอีกทั้งฟรี และคิดเงิน (ส่วน Adobe Acrobat นั้นเป็นโปรแกรมคิดเงินนะครับ ) ส่วนโปรแกรมอื่นที่ใช้งานง่ายๆก็มีแต่ไม่ดังเท่า เช่น ของข่ายที่เคยเป็นอดีตคู่แข่งอย่าง Macromedia ก็ส่ง FlashPaper2 ออกมา
แต่ที่แนะนำ Adobe Acrobat นั้นเพราะเป็นโปรแกรมที่นอกจากจะสร้างไฟล์ PDF ได้แล้วนั้น เมื่อแปลงเป็นไฟล์ PDF แล้ว (หรือมีไฟล์ PDF ที่อนุญาตให้แก้ไขได้) เราสามารถแก้ไขไฟล์ PDF ได้โดย Adobe Acrobat Professional ประกอบไปด้วย Adobe Acrobat และ Acrobat Distiller
Adobe Acrobat เป็นโปรแกรมแก้ไข เพิ่มลูกเล่น เช่น ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหวให้กับไฟล์ PDF ทำได้แม้กระทั่งนำไฟล์ PDF มาเรียงต่อกันเป็นไฟล์เดียว คล้ายเย็บแม็กรวมเล่ม หรือฉีกแยกเล่มก็ได้
Acrobat Distiller นั้นเป็นโปรแกรมที่ใช้ในการแปลงไฟล์ต่างๆให้อยู่ในรูปแบบ PDF ผู้ใช้สามารถเลือกความคมชัด ความละเอียดของหนังสือในไฟล์ได้ เช่น หากต้องการไฟล์ PDF ที่มีขนาดเล็กก็สามารถสั่งให้บีบเพื่อย่นขนาดของไฟล์ให้เล็กลง แต่รูปก็จะคมชัดน้อยกว่าไม่บีบ
ใน Adobe Acrobat ในเวอร์ชันใหม่ๆยังมีความสามารถในการเข้าไปฝังตัวในโปรแกรมงานต่างๆได้ทั้ง Word, Excel, PowerPoint, Publisher หรือ Access กระทั่ง Internet Explorer ได้ ซึ่งจะมีปุ่มให้คลิ๊กเพื่อแปลงไฟล์ที่เปิดอยู่ให้เป็นไฟล์ PDF (Adobe Acrobat ที่ทำได้จะเป็นเวอร์ชัน 6.0, 7.0 และ 8.0 ซึ่งใช้ได้เฉพาะ WindowsXp/ 2000 เท่านั้น แต่ไม่ต้องตกใจสำหรับผู้ใช้ Window98se/ ME เพราะในเวอร์ชัน 3.0-5.0 สามารถใช้งานได้ อาจไม่ง่ายเท่าแต่รับรองว่าไม่ยากไปครับ)
มีคนถามว่าเราสามารถบันทึกเฉพาะไฟล์รูปในสกุล PDF ได้ไหม ตอบว่าได้ครับ เราสามารถสร้างอัลบั้มรูปในแบบคล้ายหนังสือในสไตล์ PDF ได้ ก็ PDF มันคือ E-Book นี่ครับ
2007年10月4日木曜日
แอนติปริซึม (อังกฤษ: antiprism) คือทรงหลายหน้า (polyhedron) ที่สร้างจากฐานรูปหลายเหลี่ยม (polygon) ขนานกันสองด้าน และหน้าด้านข้างเชื่อมต่อจุดยอดแบบสลับฟันปลาเป็นรูปสามเหลี่ยมโดยรอบ และแอนติปริซึมก็เป็นพริสมาทอยด์ (prismatoid) ชนิดหนึ่งด้วย
แอนติปริซึมนั้นมีความคล้ายคลึงกับปริซึม (prism) ยกเว้นแต้เพียงว่าฐานของมันถูกบิดออกไป และหน้าด้านข้างเป็นรูปสามเหลี่ยมแทนที่จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมและมีจำนวนสองเท่า สำหรับแอนติปริซึม n เหลี่ยมปรกติ (n-antiprism) คือแอนติปริซึมที่มีรูปหลายเหลี่ยมบนฐาน เป็นรูปหลายเหลี่ยมปรกติ และถูกบิดออกไปเป็นมุม 180/n องศา
ส่วน แอนติปริซึมไขว้ (crossed antiprism) เกิดจากการบิดฐานของแอนติปริซึมธรรมดาออกไปเกินกว่า 360/n องศา รูปทรงนี้พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก
2007年10月3日水曜日
นิสสัน เป็นชื่อยี่ห้อรถยนต์ของ ญี่ปุ่น ในอดีตมีชื่อว่า ดัทสัน (ซึ่งดัทสันเป็นยี่ห้อรถที่ใช้จนถึง พ.ศ. 2526) ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ โตเกียว ญี่ปุ่น นอกจากนี้ นิสสันเป็นผู้คิดค้นเครื่องยนต์ VG และ VQ จนได้รับรางวัล Ward's 10 Best Engines 12 ปีซ้อน
นิสสันในประเทศไทย
นิสสัน ผลิตรถยนต์และรถบรรทุก ตั้งแต่ยุค 1950 โดยนิสสัน ได้ผลิตรถรุ่นแรกๆ คือ แฟร์เลดี้ แซด สกายไลน์ ฯลฯ
ปัจจุบัน นิสสันมีผลิตภัณฑ์ซึ่งจำหน่ายอยู่ทั่วโลกกว่า 60 โมเดล ทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อจำหน่ายในญี่ปุ่นโดยเฉพาะ หรือผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายทั่วโลก
โดยนิสสันพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด SHIFT_ โดยเป็นแนวคิดซึ่งใช้กับนิสสันทั่วโลก ทั้งออกแบบโดยเน้นการพัฒนารูปลักษณ์ เทคโนโลยี ความปลอดภัย รวมถึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ของนิสสันก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในประเทศไทย โดยเฉพาะรถกระบะ โดยรุ่นที่เป็นตำนาน อันได้แก่ รุ่นช้างเหยียบ ซึ่งยังเป็นที่กล่าวขานจนถึงทุกวันนี้ รวมถึงรถยนต์นั่ง ซันนี่ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่จำหน่ายในไทยมานานนับทศวรรษ
ปัจจุบัน นิสสันประเทศไทยมีนโยบายในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆสู่ตลาดเพิ่มขึ้น โดยนิสสันไทยมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ 10 รุ่นใหม่ให้ได้ในปี 2008
2007年10月1日月曜日
เด็นชิเซ็นไตเด็นจิแมน (คันจิ: 電子戦隊デンジマン, ฮิรางานะ: でんしせんたいデンジマン) หรือในชื่อภาษาไทยว่า ขบวนการ 5 มนุษย์ไฟฟ้า เป็นภาพยนตร์แนว ขบวนการนักสู้ ลำดับที่ 4 ของประเทศญี่ปุ่น ออกอากาศทางสถานี ทีวีอาซาฮี ทุกวันเสาร์ เวลา 18.00-18.30 น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น โดยเริ่มออกอากาศตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 ถึง 31 มกราคม พ.ศ. 2524 รวมความยาวทั้งสิ้น 51 ตอน และมีตอนพิเศษสำหรับออกฉายในโรงภาพยนตร์อีก 1 ตอน (ออกฉาย 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2523)
เด็นจิแมน เป็นขบวนการนักสู้เรื่องแรกที่ได้เข้ามาฉายในประเทศไทย ทางช่อง 7 โดยใช้ชื่อว่า "ขบวนการ 5 มนุษย์ไฟฟ้า"
ตัวละครหลัก
สุนัขจากดาวเด็นจิ แท้จริงแล้วเป็นหุ่นยนต์ไซบอร์กที่ตามหามนุษย์ที่มีพลังของเด็นจิ เพื่อมาปกป้องโลก
เป็นคนเอาแต่ใจ แต่มีความยุติธรรมสูง โดยมากมักจะปรากฏตัวพร้อมกับเรือส่วนพระองค์
IC
เจ้าหญิงแห่งดาวเด็นจิ ตัวละครอื่นๆ
เด็นจิ แมชชีน มอเตอร์ไซค์พ่วงของเด็นจิเรด
เด็นจิ บักกี้ รถจี๊ปของเด็นจิแมน ใช้ในการบรรทุกคน โดยส่วนมาก เด็นจิแมนทั้ง 4 (ยกเว้น เรด) จะใช้พาหนะคันนี้ในการเดินทาง
เด็นจิ คราฟท์ เรือโฮเวอร์คราฟท์ของเด็นจิแมน ใช้ตรวจลาดตะเวนในน้ำ เหล่าปีศาจเวเดอร์
คนที่แสดง โอกุเมะ ไดโกโร่คนเดียวกับอาเคโบโนะ ชัโร่(แบทเทิ่ล เคนย่า)จากเรื่องแบทเทิลฟีเวอร์ เจซึ่งแสดงโดยเคนจิ โอบะและยังได้แสดงหนังเรื่องตำรวจอวกาศเกียบันรับบทเป็นอิชิโชจิ เร็ตซึ
登録:
投稿 (Atom)